0

[FPP] Lonely rabbit : Oiiwa

Lonely rabbit :: Oiiwa



ความอ้างว้าง…ความเหงา…มันเกิดขึ้นจากสิ่งใดกันนะ

หากไม่มีสิ่งที่ต้องยึดติด นึกถึง…ความรู้สึกนี่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

เฝ้ารอ…รอและ…รอ วันที่ความรู้สึกนี้จะหยุดลง…

นี่…เคยรู้สึกเหมือนกันบ้างหรือเปล่านะ หากเป็นไปได้…แม้เพียงเสี่ยววิ

อยากให้รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจนี่…

อยากให้…ช่วยทำให้มันมลายหายไป…

อยากขอให้ได้ยิน ได้เห็น…ได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไปจริง ๆ…

.

.

‘อิวะจัง กระต่ายน่ะเหงาตายได้จริง ๆนั่นแหละ’

.
.

 

          กริ๊ง ๆ

          กริ่งจักรยานคันเล็กดังขึ้นแว่ว ๆ ท่ามกลางเส้นทางที่ไร้ผู้คน วงล้อยังคงหมุนวนเรื่อยไปพร้อมกับจานหน้าที่หนุมไปพร้อม ๆ กันด้วยแรงถีบจากเท้าเล็กบนบันได ยานพาหนะนี่นำพาเจ้าของของมันไปยังทิวทัศน์ถัดไป ต้นไม้…ใบหญ้า…บ่อน้ำ…ผีเสื้อที่บินมาทักทาย…และสุดท้ายก็ได้มาหยุดลงที่สถานที่ประจำที่อยู่ในห้วงความคิดตลอดทางมา

          “สวัสดี! วันนี้อากาศสดใสเนอะ”

          เด็กชายก้าวขาลงมาจากจักรยานคันเก่งของเขาก่อนจะเริ่มสำรวจรอบ ๆ ศาลหลังเล็กข้างทางนี่ มันยังคงดูเก่าซอมซ่อเหมือนเดิม คงเพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามาสักการะนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคงเป็นความสะอาดและบรรยากาศของมันที่ดูจะสดใสขึ้น เขาค่อย ๆ ดึงเถาวัลย์และวัชพืชรอบ ๆ ที่เริ่มขึ้นมาออก ซึ่งมันก็กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ได้เจอศาลเจ้าเล็ก ๆ นี่

          “โอเค! ยังไม่พุ ไม่พัง! และสะอาดใช้ได้!”

          เขาว่าด้วยท่าทีภูมิใจในผลงานของตัวเองก่อนจะยิ้มกว้างออกมา จากนั้นก็นั่งยอง ๆ ลงหน้าศาลนั่น

         “วันนี้มีส้มล่ะ ส้มผลบะเริ่มเลย ผมเลือกลูกที่ดูน่ากินที่สุดมาให้เลยนะ ก็ท่านเป็นคนช่วยให้ต้นส้มของคุณยายกลับมามีผลอีกครั้งนิฮี่ ๆ ขอบคุณนะ อ๋อ! มีลูกอมด้วย!”

   เด็กน้อยพูดออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขามีความสุขน่าดูเมื่อมองผลส้มกับขนมในมือ

   “แม้ว่าตอนนี้จะออกผลเพียงไม่กี่ต้น แต่อย่างน้อยท่านก็ช่วยทำตามที่ผมขอ ดีใจมากเลยล่ะ”

   จากนั้นก็เอาทั้งส้มและขนมของตนไปวางไว้ที่หน้าศาลเจ้าและเริ่มพนมมือไหว้

   “คุณยายดูมีความสุขมาก ผมก็มีความสุข ขอบคุณนะท่านเทพกระต่าย”

          ปากเล็กพึมพำพูดด้วยเสียงใสของตนเจื้อยแจ้ว ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางบอกเล่าเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย ราวกับได้พูดคุยกับบุคคลที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะรับฟังเขาทุกเรื่องอย่างตั้งใจ

          ใช่…ตั้งใจ…ข้าตั้งใจฟังอยู่
          พูดออกมาด้วยเสียงใสของเจ้าพร้อมกับตาที่ใสซื่อนั้นและรอยยิ้ม…เหมือนทุกทีสิ ข้ารอฟังอยู่เสมอ

          เสียงภายในใจที่ไม่อาจสื่อไปถึง และแม้เรียวปากนี่จะอ้าเปิดกล่าวอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ไม่อาจรับรู้ได้ สุดท้าย…ก็ได้แต่ยิ้มบาง เฝ้ามองอยู่เคียงข้างและตั้งใจใช้หูนี่สดับฟังทุกถ้อยคำ

          เจ้ามีความสุขข้าก็มีความสุข ดีแล้วล่ะ…ขอบคุณที่ยังคงมาหาข้าในวันนี้

          มือหนายกขึ้นลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าเบา ๆ หากแต่เจ้าตัวยังคงเปิดปากบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ พร้อมทำท่าโบกไม้โบกมือประกอบการเล่าไปพร้อมกับดวงตานั่นที่จ้องมองมาที่เขาแต่…

          ไม่รู้เลยสินะ…

          ความอบอุ่นอ่อนโยนจากมือนี่กลับไม่ได้ส่งผ่านไปยังอีกคน สุดท้ายก็เพียงแค่ลดมือลง…

          …อิวะจัง

          “นี่ๆ คุณยายเล่าให้ฟังว่า กระตายน่ะ ถ้าอยู่ตัวเดียวนาน ๆ จะเหงาตายได้”

          แต่แล้วเมื่อเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้เขาเกิดสนใจมากขึ้นกว่าเมื่อครู่จนตาคมเบิกกว้างขึ้น

         “ท่านจะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่านะ ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ท่านเหงาหรือเปล่า…”

   เสียงใสในตอนแรกค่อยแผ่วลงไปตามประกายของตากลมที่เริ่มหม่นลง

   กระต่าย…ข้าเหรอ นั่นสินะ…

ภาพบางอย่างอันเรือนลางปรากฏขึ้นในมุมหนึ่งของความทรงจำ

          ภาพ…ของตัวเขาที่ถือกำเนิดเป็นกระต่ายตัวเล็กกับผู้คนที่วนเวียนเข้ามา เข้า…ออก…มา…ไป… ได้รับความเชื่อมั่นจากคำภาวนาที่เป็นจริงมากมาย จนมีร่างกายนี้… นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องไปที่เรียวนิ้วยาวจนไล่มาที่มือ กำและแบ…

          นานแค่ไหนแล้วนะ ร่างกายนี่…

          แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นเช่นเดิม หากมองดูก็รู้ได้ทันที่มันเลือนรางลงไปทุกที ร่างกายนี่ที่คล้ายกับมนุษย์ตรงหน้าของเขา สิ่งที่ต่างกันคงเป็นเสื้อผ้าที่มาจากคนละยุคสมัย เจ้าหูยาว ๆ ที่อยู่บนหัวของเขา และ…ร่างเนื้อที่เริ่มโปร่งแสงมากขึ้นทุกวันๆ

          พลังของข้าเริ่มถดถอยลง ที่ยังคงอยู่ได้เช่นทุกวันนี้คงเป็นเพราะคุณยายของเจ้าและเจ้าสินะเด็กน้อย ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในตัวข้า
         วันเวลาผันแปรเฉกเช่นเดียวกับผู้คนที่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ความเชื่อและความเคารพที่มีต่อเทพเจ้านั้นคงลดน้อยลงไป ข้าเข้าใจดี และข้าก็รู้ตัวว่าข้าเป็นเพียงเทพชั้นล่าง ที่ไม่ได้มีพลังแกร่งกล้าอะไร เป็นเพียง…กระต่ายที่เป็นที่รักของพืชพันธุ์

“ผมเชื่อมั่นในตัวท่านเสมอ”

‘…..’

และอีกครั้งที่คำพูดของเด็กคนนี้มันเกิดทำให้ใจนี่เต้นผิดจังหวะขึ้นมา

“ผมน่ะจะมาหาทุกวัน เหมือนทุกครั้ง เพราะผมไม่อยากเห็นท่านเหงา ไม่อยากให้ท่านต้องเฉาตาย”

          เด็กน้อย…

“เป็นเพื่อนกันนะ ผมอยากทำอะไรให้ท่านบ้าง”

เสียงใสกล่าวคำพูดพร้อมกับดวงตาอันซื่อตรง เจ้าตัวยิ้มกว้างราวกับตื่นเต้นดีใจที่ตนหาทางช่วย ‘กระต่ายขี้เหงา’ ได้ ร่างที่ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เกิดอ่อนยวบขึ้นมา ราวกับว่าคำพูดง่าย ๆ สั้น ๆ ที่เพิ่งได้ยินนั้นได้เข้ามาสลายความหนักอึ้งในใจที่มีมานาน นัยน์ตาเกิดร้อนผ่าวขึ้นมาพร้อมกับน้ำใสที่กำลังจะเอ่อร้นเกินขอบตา…

          ‘อิวะจัง…’

ร่างสูงค่อย ๆ โน้มลงพิงไหล่เล็กอย่างถือวิสาสะ แต่เช่นเคย…น้ำหนักของร่างนี้กับกลุ่มผมสีน้ำตาลของเขาที่ซุกอยู่บนไหล่นี่ เขารู้ดี…ว่ามันคงไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงตัวตนของเขาอยู่ดี

          ความรู้สึกนี่มันคือะไรนะ… น้ำใสบนขอบตานี่… ความโศกเศร้าเช่นนั้นหรือ ไม่ใช่เสียทีเดียว…เพราะตอนนี้ข้าน่ะ…รู้สึกผ่อนคลายและอยากจะยิ้มออกมาจากใจจริง
          ไม่ใช่ความนับถือยกย่อง เจ้ากลับให้ความสำคัญกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้านั้นคิดคำนึงถึงข้าตลอดดั่งเช่นช่วงนี้ที่ข้าเป็นหรือไม่ แต่…ข้าเชื่อใจคำพูดและดวงตาของเจ้า
          เจ้า…มาช่วยปลดเปลืองความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างภายในใจข้า ขอบคุณจริงๆ…

“ฮาจิเมะ หลานมาอยู่นี่อีกแล้วเหรอ”

ไม่นานนักเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากปลายทางที่ไม่ห่างไกล ซึ่งมันก็เรียกสติของเด็กชายตัวน้อยให้หันไปมองในทันที

“อ๊ะคุณยายยย “

เมื่อเจ้าตัวเห็นว่าเป็นหญิงวัยชราหน้าตาใจดีซึ่งก็คือคุณยายของเขา เขาจึงลุกขึ้นและวิ่งไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ทำอะไรอยู่ ได้เอาส้มมาให้ท่านหรือยังล่ะ”

“ให้แล้ว! ผมให้ขนมด้วยล่ะ”

          “แหม…ดีจ่ะฮ่า ๆ กลับบ้านกันได้แล้วล่ะ แดดเริ่มแรงแล้ว เอาไว้ค่อยมาสักการะท่านใหม่นะ”

“อืม !”

          จะไปแล้วหรือ…

          ชายหนุ่มที่ทอดมองดูเหตุการณ์อยู่ลุกขึ้นมาในจังหวะเดียวกันกับที่เด็กน้อยวิ่งกลับมาจูงจักรยานคันเล็กของตนกลับไปหาคุณยายของเขา เมื่อร่างเล็กเริ่มออกห่างไปแววตาของคนที่ยืนนิ่งอยู่ก็ดูเศร้าสร้อยหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

‘อิวะอิซูมิ…ฮาจิเมะ เดี๋ยวก่อน…’

          ‘อิวะจัง…’

          “หืม?”

          เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขายื่นมือออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว เด็กชายเจ้าของชื่อที่กำลังจะเดินจากเขาไปก็ได้หันกลับมา…มองมาทางเขา

‘อิวะจัง…’

          “ไปก่อนนะ! แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”

           รอยยิ้มที่สดใสเสียงยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ในยามสายตอนนี้…มือเล็กที่โบกไปมาเป็นการร่ำลา แต่วาจาที่บ่งบอกถึงคำมั่นสัญญาที่จะมากลับมาหาเขาอีก มันทำให้เขายิ้มออกมาได้อีกครั้ง เขายกมือขึ้นโบกไปมาเบา ๆ ตามอีกคนและพึมพำออกมา

           ‘ข้าจะรอ’

           อิวะจัง…ข้าน่ะ…มีชื่อนะ อยากให้เจ้าเป็นคนเรียกมันเหลือเกิน

           ‘โออิคาวะ…โออิคาวะ โทรุ’

          และข้าไม่ใช่เทพที่เก่งกาจน่านับถืออย่างที่เจ้าคิด…ข้าน่ะเป็นเพียง…

          “….โออิ…”

          ‘….!’

          จู่ ๆ ปากเล็กก็พึมพำบางอย่างออกมาต่อ หากเขาตาไม่ได้ฝาดไป ปากนั้น…น่าจะกำลังเอ่ยชื่อของเขา แต่ว่ามันก็เป็นเพียงเสี้ยววิ…ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันกลับไปและเดินไปตามทาง…

          ‘อิวะอิซึมิ…ฮาจิเมะ’

          ปากได้รูปฉีกยิ้มออกมามากกว่าครั้งใด ๆ

          ใช่แล้ว…ข้าน่ะเป็นเพียงกระต่ายที่กำลังจะเฉาตาย แต่เมื่อได้พบเจ้า ข้าก็เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง… เพราะแรงอธิฐานและความเชื่อมั่น…ความคิดคำนึงของเจ้าที่มีต่อข้า ทุกวัน….ทุกวัน…

          ‘พรุ่งนี้ข้าก็จะรอเหมือนทุกวัน…และเฝ้ามอง ฟังเรื่องราวของเจ้าเช่นเคย’

           นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองออกไปตามหลังเล็กของผู้ที่คนึงถึง สายตานั้นมันดูตั้งมั่นและเว้าวอนในเวลาเดียวกัน

           ‘อิวะจัง…เจ้าจะเป็นผู้ที่ข้าคนึงหา ข้าจะเชื่อมั่นในตัวเจ้าเฉกเช่นตัวเจ้าที่เชื่อมั่นในตัวข้า’

           แม้ข้าจะไม่แกร่กล้าทำการใหญ่ได้ดั่งเช่นครั้งก่อนกาล แต่หากข้าทำให้เจ้ามีความสุขได้ด้วยพลังอันน้อยนิดที่มีนี่ ข้าก็จะทำ แม้ว่ามัน…จะค่อย ๆ บั่นทอนชีวิตของข้า แต่ความสุขจากเจ้าที่ได้รับมา มันมากเกิน มันสำคัญ…เช่นนั้นหากสิ่งเล่านี้มันทำให้เจ้ารู้ถึงการมีตัวตนของข้าบ้าง…ชีวิตนี่ข้าก็จะขอมอบให้
          เจ้ารับรู้บ้างหรือไม่นะ ว่าข้าเฝ้ามองเจ้าอยู่ตลอด ทุกสิ่งที่ทำข้าไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เพียงเจ้ามาพบข้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูมีความสุขอย่างล้นเปี่ยมเหมือนทุกที ข้าก็มีความสุข
          ขอให้เป็นเช่นนี้ทุกวัน…ไม่ว่าวันสุดท้ายของข้าจะเป็นเมื่อใด ขอแค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็พอใจยิ่งนัก

          อย่าได้หายไปไหนเลยนะ…เพราะในวันที่ข้าไม่ได้พบเจ้า ข้าคง…ดับสิ้น เฉาตาย…ดั่งเรื่องราวของกระตายน้อยที่เจ้าเล่ายังไงล่ะ

 

—The end—



-Talk-
          สวัสดีค่ะนี่เป็นผลงานแรกของด้อมไฮคิวเลยค่ะ หวังว่าจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ ก่อนอื่นเลยขอบคุณทุกคนที่หยิบฟรีเปเปอร์เล่มนี้และน้องมุขเจ้าเก่าที่สละพื้นที่เล็กๆให้คะ! แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่จัดงานไฮคิวออลี่ขึ้นมา ร่วมถึงผู้ร่วมงานทุกคนค่ะ! [เราคือโออิบนเวทีน่ะค่ะ…//ชี้ๆ <3]

อันตัวเราชอบคู่อิอิหรืออะอุนมากกก ตอนนี้ก็มีแพลนจะแต่งเรื่องใหม่ ๆ มาค่ะ เรื่องนี้ก็อาจจะมีต่อ…แต่อาจดองสักพักTvT ตัวเรื่อง ‘Lonely Rabbit’ นี้กล่าวถึงโออิคาวะที่เป็นเทพกระต่ายที่มีพลังในการทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ค่ะ แต่แล้วตัวตนของเขาก็เริ่มถูกลืมเลือนไปตามยุคสมัยกาลเวลา จนวันที่ได้พบเด็กชายคนหนึ่ง นั่นก็คืออิวะจังค่ะ ทำให้เขายังคงมีตัวตันอยู่ได้ รวมถึงได้รับความสุขเล็กที่แสนเรียบง่ายมาค่ะ แต่เรื่องเศร้าคงเป็นการที่อิวะจังนั้นไม่เห็นและไม่ได้ยินโออิที่อยู่ข้างๆมาตลอดเลย… ก็ประมาณนี้ค่ะ!

          ยังไงก็มาพูดคุยติชมได้ค่ะ ตอนนี้กำลังบิ้วท์แต่งตอนที่1อยู่… ขอบคุณค่ะ! 

ปล.หากย่อหน้าแปลกเราต้องขออภัยด้วยค่ะ…เราพยายามแล้วแต่WPทำร้ายเราTvT