By my side 1.0 : MiSawa
เอี๊ยด!!! โครม!
วี้หว่อๆๆ
….
.
.
อะไรคือความจริง
บางทีความจริงอาจจะเป็นความฝัน และความฝันอาจจะเป็นความจริง…
แล้วฉันควรเชื่ออะไร
ช่วยบอกฉันที…
.
.
.
.
“มิยูกิเซมไป…ขอโทษ”
รู้สึกหัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่ดูมั่นใจในตอนแรกเลือนหายไปในทันที
“การได้อยู่กับนายทำให้ฉันมีความสุขมาก แต่ว่า…”
เดี๋ยวก่อนสิ อย่า…
“ฉันไม่สามารถอยู่เคียงข้างนายต่อไปได้”
มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ
“ขอบคุณช่วงเวลาดีๆที่มอบให้ฉัน”
อย่าพูดต่ออีกเลย…ได้โปรด
“ฉันหวังว่านายจะเข้าใจ”
ทำไมนายถึงยิ้มแบบนั้นทั้งๆที่พูดประโยคเหล่านั้นออกมา
มันเจ็บ…ปวด
เขาเดินออกไป มือของฉันเอื้อมไปคว้าร่างของเขาและกอดไว้แน่น
อย่าเพิ่งไป อย่าทำกับฉันแบบนี้
“มิยูกิเซมไป”
ช่วยบอกทีว่านี่คือการล้อเล่นกัน มันไม่ใช่ความจริง…
“ปล่อยฉันเถอะนะ…”
มือไม้สั่นเทา ร่างกายมันไร้เรี่ยวแรงเพียงเพราะคำพูดไม่กี่พยางค์
ในหัวว่างเปล่า ฉันไม่สามารถทำอะไรต่อได้ สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียง…ปล่อยให้ร่างในอ้อมแขนเดินหน้าต่อไป
ไปจากฉัน…
ซา…
“ซาวามูระ!”
.
.
.
.
.
พรึบ!
“แฮ่ก แฮ่ก อึก…”
เกิดอะไรขึ้น
“งืม…”
หือ?
มือหนาสัมผัสกับกลุ่มผมนุ่มๆที่คุ้นเคยของคนข้างตัวที่ยังคงหลับตาพริ้ม
“ซาวามูระ?”
เตียงนอน…ฝันไปสินะ
“…..”
เป็นฝันที่…
ใจยังคงเต้นรัว แม้จะช้าลงจากเมื่อสักครู่แล้วแต่มันไม่ได้ทำให้เขาสงบสติอารมณ์ได้เลย
หยดเหงื่อไหลตามรูปหน้าและร่างกลายที่เปลือยเปล่า แม้ข้างในจะร้อนรุ่มแต่ผิวกายกลับเย็นเฉียบ
หนาว
เมื่อสติเริ่มกลับมา สายตาก็เหลือบไปมองคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่…
ยังอยู่สินะ…
“เฮ้อ”
ร่างหนาขยับเข้าไปใกล้คนข้างกาย แขนเยียดออกโอบรัดร่างเล็กกอดเข้ามาชิดแน่น
ยังอยู่…อยู่ข้างๆฉัน
“อือ…หืม? มิยูกิ”
เขาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเมื่อรับรู้ถึงแรงกอดรัดจากอีกฝ่าย
“…..”
“อะไร เช้าแล้วเหรอ”
“ยัง”
“มันอึดอัดนะ ปล่อย”
“…..”
แทนที่เขาจะคลายอ้อมกอดออกตามที่อีกคนบอก เขากลับกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม
ปล่อย?
“มิยูกิ กอดแน่นไปแล้ว ฉันเจ็บ ปล่อ–“
“อย่าพูดคำนั้นออกมา”
“เอ๋?”
“…..”
“คำว่าอะไร”
“ขออยู่แบบนี้สักพัก”
“…..”
ซาวามูระตัดสินใจปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการ แม้ในใจจะเริ่มสงสัยและเกิดคำถามต่างๆนานา
สัมผัสของผิวเนื้อที่สั่นเทาที่อยู่แนบหลังของเขาและลมหายใจที่หอบถี่รดต้นคอ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ
“เป็นอะไร”
“…..”
มีเพียงความเงียบ ไร้ซึ่งคำตอบ
เขาหันตัวไปเพื่อจะได้มองหน้าของคนด้านหลังได้สะดวกขึ้น
ดวงหน้าคมยังคงไม่ขยับหันหนี สายตานั้นจ้องมองเข้ามาในดวงตาของเขาด้วยความรู้สึกปะปนกันจนทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาอะไรได้
ตากลมจ้องมองกลับหวังจะหาคำตอบ แต่สุดท้ายก็ได้แค่เอื้อมมือออกมาลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ
“ฝันร้ายเหรอ”
“…..”
“ถ้าไม่พูดฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นอะไรน่ะ”
“ซาวามูระ…พูดว่ารักกับฉันหน่อยสิ”
“ห๊า?”
ตากลมเบิกกว้าง งุนงงกับคำพูดของอีกฝ่ายที่จู่ๆก็โพล่งออกมา
“อ…อะไรของนาย”
“…..”
“เป็นอะไรเนี่ย”
“นะ”
“…ม…ไม่เอา”
“ทำไม”
“เพื่ออะไรเล่า!”
“…..”
“นึกว่าอะไร ติ๊งต๊อง จะแกล้งอะไรกันอีกล่ะ นอนไปเลยไป๊”
“…..”
ใบหน้าของมิยูกิยังคงนิ่งเรียบ แม้เจ้าตัวจะเงียบไม่พูดอะไรแต่การกระทำดูเหมือนจะมีเหตุผลบางอย่าง ตาคมที่จ้องมองมามันช่าง…ดูเว้าวอน
“นะ”
“จิ๊ คำพูดแบบนี้มันพูดกันได้ง่ายๆที่ไหนเล่า!”
ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว เขาตัดสินใจหันหลังหนีจัดการเอาผ้าห่มคลุมโปงทำเป็นไม่สนใจ
“…..”
มิยูกิยังคงจ้องมองการกระทำทุกอย่างนิ่งๆ
ช่วยทำให้ฉันมั่นใจขึ้นหน่อยไม่ได้หรือไง
ฉันก็แค่…
“รัก”
“….!?”
ก่อนที่เขาจะหันหลังให้อีกฝ่าย คำพูดบางอย่างก็หลุดออกมา แม้มันจะเบามากแต่เขาก็ได้ยินจนต้องรีบหันกลับไปจ้องมองร่างเล็กที่ยังคงขดตัวอยู่ในผ้าห่มนั่น
“เมื้อกี้นายว่าอะไรนะ”
“…..”
“โฮ่ย”
“ฉันพูดไปแล้วจะไม่พูดอีก”
“ซาวามูระ”
เขาขยับเข้าไปใกล้และตัดสินใจจับให้ร่างตรงหน้าหันกลับมาทางเขา
แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เขาก็เหลือบเห็นซีกหน้าที่โผล่ออกมา
มันแดง…จนถึงหู แดงอย่างกับลูกตำลึง
ฮ่าๆ
“ก็ฉันไม่ได้ยินนิ พูดอีกครั้งสิ”
“ไม่เอา!”
“โธ่ นะๆๆ”
“ไม่ต้องมาทำอ้อนเลย ฉันรู้ว่านายได้ยิน!”
“อะไรกัน~”
น่ารัก…
มิยูกิยิ้มบางออกมา การกระทำของเจ้าหนูนี่ทำให้ความขุ่นหมองในใจของเขาหมดไปในทันที
“ซาวามูระ ฉันรักนาย”
“…..”
“รัก”
“…..”
“รัก”
“….”
“รั—“
พรึบ!
“พอได้แล้วน่ะ!”
ว่าแล้วคนที่อยู่ในผ้าห่มก็ทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมาปิดปากอีกฝ่าย
“ฮ่าๆๆ”
ภาพที่มิยูกิเห็นคือปฎิกิริยาเดิมๆที่เขาไม่เคยเบื่อ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเด็กหนุ่ม ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัด คิ้วมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์
“นายนี่นะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมา ก่อนมือหนาจะจับข้อมืออีกคนออกไป เขาก้มหน้าค่อยๆบรรจงพรมจูบไล่ไปตั้งแต่หลังมือ แขน ไหล่ และซอกคอ
“อือออ…มิยูกิ จะ…ทำอะไร”
มิยูกิถอนตัวออกมาและยื่นมือออกไปลูบข้างแก้มของคนตรงหน้าอย่างเบามือและยิ้มบางๆออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่งสายตาที่ดู…อบอุ่นกว่าทุกครั้งเท่าที่ซาวามูระเคยเห็น
“ฉันรักนาย”
เมื่อเห็นว่าปากอิ่มตรงหน้ากำลังอ้าออกเหมือนจะพูดอะไร เขาจึงรีบจัดการประกบปากของเจ้าตัวด้วยปากได้รูปของเขา เขาค่อยๆบดริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ
“ฮึก อือออ มิ…”
ร่างสูงเริ่มรุกล้ำไปยังส่วนต่างๆก่อนจะค่อยๆโน้มตัวทิ้งน้ำหนักลงจนทำให้ร่างของซาวามูระถูกดันลงเตียงอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แฮ่กๆ ทำบ้าอะไร”
“ฮี่ๆ”
ดวงตาสีอำพันถูกฉาบไปด้วยม่านน้ำตาจนดูหยาดเยิ้มกว่าปกติ ดวงหน้าแดงกล่ำบ่งบอกถึงอุณหภูมิของร่างกายที่เริ่มสูงขึ้น ร่างเล็กสั่นระริกดูอ่อนแรงลง
เมื่อมิยุกิเห็นเช่นนั้นก็กระตุกยิ้มออกมา
อ๊า…แย่ล่ะสิ
“ซาวามูระ ฉัน…”
“นาย…อย่าบอกนะว่า”
“อีกรอบนะ”
“ไม่นะ!”
ซาวามูระปฏิเสธทันควัน รีบหยิบหมอนข้างกายมากอดเพื่อป้องกันร่างกายของเขา
เมื่อมิยูกิเห็นเช่นนั่นจึงนึกสนุกขึ้นมา
“งั้น…พูดว่ารักฉันอีกรอบฉันอาจจะยอมก็ได้”
“…..”
“ว่าไง~”
“ฉัน…รัก”
“อะไรนะ”
“รัก…มิยูกิ”
เจ้าหนูพูดเสียงอู้อี้อยู่ใต้หมอน ถึงมันจะไม่ค่อยจะดูชัดถ่อยชัดคำนักแต่เขาก็รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้
ความเขิลอายของหมอนี่…อ๊าไม่ไหว ก็ไม่ได้คิดว่าจะพูดออกมาจริงๆ แต่ทำอย่างนี้มันจะน่ารักไปแล้ว
“ซาวามูระ…”
“…..”
ฟึบ!
หมอนใบโตที่บดบังร่างที่นอนอยู่ถูกดึงออกไปโดยไม่ทันที่ซาวามูระจะได้ตั้งตัว เผยให้เห็นใบหน้าที่ยังคงแดงกล่ำและร่างกายที่สั่นเทา
“ทำอะไรเนี่ย! ก็พูดไปแล้วยังไงเล่า!”
“ซาวามูระ”
มิยูกิจ้องมาทางเขานิ่ง จากนั้นใบหน้ายิ้มแย้มหน้าเดิมๆที่เคยเห็นบ่อยๆก็ปรากฏขึ้น
ใบหน้าที่ยิ้มพอใจจนตาแทบปิดเวลาได้แกล้งเขา…
ไม่น่ารอด
เจ้าตัวโน้มกายเข้ามากอดเขาแน่น แม้ซาวามูระดิ้นสุดแรงอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดไปจากพันธนาการได้
“มิยูกิ!!!”
“ฉันพูดว่าอาจจะต่างหากไม่ได้พูดว่าจะยอมแน่ๆซะหน่อย ฮี่ๆ”
“หนอย! เจ้าเล่ห์นักนะ!”
“เอาล่ะ…เพราะฉะนั้น อิทาดากิมัส!”
ว่าแล้วเขาก็เลียลิมฝีปากเหมือนกำลังจะลงมือรับประทานอาหารจานเด็ด
“มิยูกิบากะ!”
“ฮ่าๆๆๆ”
.
.
.
.
.
.
นายรู้อะไรไหม…
การกระทำของนาย และสิ่งที่นายพูดออกมานั่นน่ะคือสิ่งเล็กๆที่ทำให้ฉันมีความสุขมากแค่ไหน
ได้โปรดอยู่กับฉันอย่างนี้
อยู่เคียงข้างฉัน
และรักฉันต่อไป
ถ้าไม่มีนาย
ถ้านายไม่ต้องการฉัน
ถ้านายจะให้ฉันปล่อยนายไป
เมื่อถึงตอนนั้น
ให้ฉัน…
‘ขอให้ฉันลืมเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับนายยังจะดีเสียกว่า’
.
.
.
.
.
‘อะไรกันแน่ที่เป็นความจริง…’
.
.
.
.
.
เฮือก!
เกิดอะไรขึ้น
ทำไมถึงขยับไม่ได้ล่ะ ร่างกายมันไร้ความรู้สึกไปหมด
พวกคุณมุงมองอะไรกัน พูดอะไร ทำไมฉันไม่ได้ยินอะไรเลย…
‘ซา…วา…มู’
ซาวามูระ นายอยู่ที่ไหน
.
.
.
.
ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…
‘ผู้บาดเจ็บได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างมาก…’
เสียงใครกัน
ใคร…
‘มิยูกิเซมไป…’
….นาย
แพขนตาค่อยๆขยับ ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆปรือเปิด ภาพเบื้องหน้าเบลอไปหมด สักพักดวงตาก็เริ่มปรับความชัดอย่างอัตโนมัติ
เพดานสีขาว…ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
***To be continue***
—————————————–
สวัสดี!
เอ่อ…ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ไม่ยอมต่อฟิคเก่าสักทีTvT มีเหตุหลายๆอย่างทำให้ยังแก้ไม่เสร็จล่ะนะ จะพยายามนะ ยังไงก็ไม่ทิ้งแน่นอน
เรื่องนี้แต่งขึ้นเพราะได้รับความรู้สึกบางอย่างจากงานวาดเรื่องสั้นเรื่องหนี่งขณะที่กำลังเบื่อๆเครียดๆเพราะจะมีสอบ(นี่เพิ่งเปิดเทอมนะ) แต่ตอนแรกเราอยากแต่งเป็นเหตุการณ์สั้นๆเฉยๆ ควรจบตั้งแต่มิยูกิตื่น… แต่ด้วยพลอตที่แตกเป็นต้นไม้ขณะแต่งจึงทำให้ออกมาเป็นเรื่องยาวขึ้น(มาก) ซึ่งตอนแรกก็กะแค่อย่างยาวคงตอนเดียวจบ ดันออกมาเป็นTo be continueซะงั้น//ร้องไห้
อาจจะอ่านและงงๆบ้างแต่จะพยายามทำให้เข้าใจก่อนจะจบล่ะนะ เอาเป็นว่าคิดว่าอันนี้คงไม่ใช่เรื่องยาวมากนัก ต้องรอดูต่อไป
ขอบคุณคับ
ปล.เช่นเคย ใครเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะ
อย่างแรกเลยก่อนเม้นต์จริงจัง น้องอยากกล่าวสวัสดีพี่เคย์ก่อน55555555 ฟิคเรื่องนี้มัน…หน่วงมาก ไม่รู้ว่าตัวเองอ่อนไหวง่ายไปหรือยังไง แต่อ่านถึงช่วงกลางๆเรื่องตอนที่คุณมยก.ขอให้น้องพูดคำว่ารัก รู้สึกได้ว่าผช.คนนี้กำลังกังวลมาก เป็นฉากที่น้องชอบ มันบีบหัวใจยังไงไม่รู้ ตอนอ่านนี่พยายามทำหน้านิ่งเพราะอ่านในมอ เดี๋ยวเพื่อนจะทักท้วงว่ามุกร้องไห้ทำไม555555555
คือน้องอ่านในโทรศัพท์ก่อนแล้วมาเม้นต์ในคอมน่ะค่ะ ไม่ชอบอ่านในคอมเพราะปวดตามาก เลยขออนุญาติเม้นต์รวบกับตอนที่สองเลยนะคะ ว่าตอนแรกมันหน่วงแล้วตอนที่สองนี่แบบ…ฮือออ ทำไมรู้สึกเจ็บแปลบๆ อ่านแล้วก็เกิดคำถามมากมายในหัว ทำไมหนูเอย์ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร ทำไมคำพูดพี่โยฟังดูเหมือนน้องไม่ควนมาอยู่ที่นี่ เหมือนกับว่ามิยูกิและหนูเอย์จะเลิกกันไป? นี่น้องเดานะคะ ไม่รู้จะถูกไหม ฮอลล ติดตามค่ะ อะไรหน่วงๆแบบนี้น้องชอบนักแล แถมยังมีปมด้วย น้องขอเป็นกลจ.ให้พี่นะคะ ;-;
ถูกใจถูกใจ
ขอบคุณจ้า ( ;/\; )ดีมจที่มีอารมณ์คล้อยตามไปกับเรื่องด้วยและชอบเรื่องนี้ เดี๋ยวปมทุกอย่างจะเฉลยออกมาในตอนต่อๆไปเนอะ รออ่านได้เลย~ อีกไม่นาน~
ถูกใจถูกใจ